จุดอ่อนของการเป็นแม่
จุดอ่อนของการเป็นแม่ by แม่เหมียวsupermomlifecoach
คุณเคยเป็นแบบนี้ไหมคะ?
ตั้งใจ... ตื่นเต้น... ดีใจ.. หรืออาจจะยัง งง งง ตอนที่รู้ว่าเรากำลังจะเป็นแม่ ..
หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต สอบถามพูดคุย อ่านหนังสือ ตำรา การตั้งครรภ์คุณภาพ, แนะนำวิธีการเลี้ยงลูก, การเป็นแม่ที่ดี ฯลฯ ตั้งใจศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือกองโตยิ่งกว่าที่เคยเรียนมาตลอดชีวิตจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้.. วาระแห่งการจะเป็นแม่..สำคัญกับเรายิ่งกว่าวาระแห่งชาติเสียอีก ..
จากนั้นจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เราก็เปรียบเทียบกับการเลี้ยงดูที่เราเคยได้รับมา.. แล้วก็เลือกไว้ในใจว่า แบบนี้เราเคยรู้สึกไม่ดี ไม่เอา เราจะไม่ทำ...
ประมวลผลเสร็จสิ้นแล้ว เราก็จะได้ภาพคุณแม่คุณภาพที่เราจะเป็นให้ดีที่สุดเพื่อลูกของเรา (เฮ่อ โล่งอก ค่อยสบายใจหน่อย.. โอเค รู้แล้วว่า”แม่”เค้าเป็นกันยังไง)
วันที่ได้เป็นแม่เต็มตัว.. หลงรัก “ลูก” สุดหัวใจ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ให้เค้าไม่ได้ ที่เคยเป็นนางเอกในชีวิตตัวเองมาตลอด ยอมเป็นตัวประกอบในชีวิตลูก ให้ลูกเป็นตัวเอกในชีวิตเราแทน... ทุ่มเททุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งเป็นแม่บ้านอยู่กับลูก 24 ชั่วโมง
ซาบซึ้งกับความรักของแม่ที่แสนยิ่งใหญ่..
.. แต่..รู้ตัวไหมคะ ว่าลึกๆ แล้ว ยิ่งเรารู้สึกว่าเราต้องเสียสละอะไรเพื่อลูกมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกว่าลูกได้รับไปแล้วมากเท่านั้น และยิ่งรู้สึกแย่ที่ต้องให้เมื่อลูกเรียกร้องอีก.. แล้วก็ต้องรู้สึกผิดกับลูก+ผิดหวังกับตัวเอง ที่เป็น”แม่”แบบที่ตั้งใจจะเป็นให้ลูกไม่ได้
ในความเป็นจริง การเสียสละนั้นเป็นเรื่องของเราเองล้วนๆ เราคิดไปเองว่า ความตั้งใจเต็มที่ พยายามเต็มที่ ให้เต็มที่ คือการที่เราได้ “เสีย”สละแล้ว.. ทั้งๆ ที่ ลูกยังไม่รู้สึกเลยจริงๆ ว่า “ได้รับอะไร”.. เลยได้แต่งงว่า “แค่นี้ ทำไมแม่ต้องโมโหด้วย” ส่วนแม่ก็ได้แต่คิดว่า “อะไรกันนักหนา จะเอาอะไรกันอีก” แล้วก็วนกลับมาที่สุดท้ายแล้วแม่ก็รู้สึกแย่ที่เป็นแม่ในอุดมคติที่อยากเป็นให้ลูกไม่ได้ อะไรที่เคยคิดว่าไม่ดีจะไม่ทำกับลูก ก็ทำครบหมดทุกข้อแถม Advance ทำได้เยอะกว่าตัวอย่างเดิมเสียอีก
ยิ่งคิดว่าทุ่มเทให้ลูกมาก.. ยิ่งแอบคาดหวังมาก
ยิ่งมีข้อมูลการเลี้ยงลูกมาก.. ยิ่งกดดันตัวเองให้เป็นแม่ที่(โคด)ดีมาก
ยิ่งกดดันมาก.. ยิ่งเครียดมาก
ยิ่งแม่เครียดมาก.. ลูกยิ่งเครียดมาก .. เห็นภาพชัดเลยใช่ไหมคะ
..ทีนี้ เอาใหม่ค่ะ เล่นภาพใหม่ ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน...
เรายังเป็นแม่ที่รักลูกสุดหัวใจเหมือนเดิมค่ะ แค่...
1. เป็นนางเอกในชีวิตตัวเองเหมือนเดิม แล้วก็เป็นเจ๊ดันให้กับชีวิตลูกด้วย ให้เค้าแจ้งเกิดเป็นพระเอก-นางเอกในชีวิตของเค้าเองแบบที่เค้าอยากเป็น
2. แน่นอนค่ะ การเป็นแม่ย่อมต้องมีการเสียสละ ซึ่งเราก็เต็มใจจะเสีย แต่อย่าเสียความเป็นตัวเองอย่าเสียศรัทธาในตัวเอง ลูกเป็นสิ่งสวยงามที่เติมเข้ามาในชีวิตเราค่ะ ไม่ใช่ภาระหนักอึ้งที่เราถึงขนาดต้องทิ้งความฝัน ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราไป
3.อย่าเอาลูกมาเป็นข้ออ้างในการหลบอยู่ใน Safe zone ไม่ออกมารับผิดชอบชีวิตตัวเอง.. อย่าลืมนะคะว่า แม่คือ ไอดอลคนแรกของลูก.. ลงมือเลือกออกแบบชีวิตตัวเองแล้วลุยเลยค่ะ..เต็มที่กับชีวิตเราเอง + เต็มที่กับชีวิตลูก
4.ลดการคาดหวังต่อลูก จำความรู้สึกตอนที่เราเลี้ยงหลานที่รัก(ตอนที่เรายังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว เราเลี้ยงหลานเหมือนเป็นลูกตัวเอง) รักให้มากกก คาดหวังให้น้อยยย (จำไว้ว่า คาดหวังมาก ลูกเครียดมาก เราอยากให้ลูกเครียดหรือไงคะ)
5.ลดการคาดหวังต่อตัวเอง “ไม่มีแม่ที่ดีที่สุด มีแต่แม่ที่รักลูกมากที่สุด” ขณะที่แม่รู้สึกผิดหวังที่เป็นแม่แบบที่เราตั้งใจจะเป็นให้ลูกไม่ได้.. แต่เด็กเค้าใสกว่าเราค่ะ เค้าได้แต่รอให้แม่คนนี้ ให้อภัยตัวเองแล้วกลับมารัก มาเล่นกับเค้าเหมือนเดิม ก็เท่านั้นเอง
6.เอาเด็กในตัวเราออกมาเลี้ยงลูก เลี้ยงลูกแบบเข้าใจในธรรมชาติธรรมดาของเด็ก เพราะเราเคยผ่านการเป็นเด็กมาก่อนย่อมเข้าใจเด็กง่ายกว่าเลี้ยงเด็กให้เข้าใจผู้ใหญ่อยู่แล้ว
ชีวิตก็แค่นี้แหละค่ะ แค่จริงใจกับทุกอย่างแบบเด็กๆ แต่ตอบโต้ไปเหนือกว่าสัญชาตญาณ ตอบโต้แบบคนที่เข้าใจแล้วจริงๆ ว่า ชีวิตก็แบบนี้แหละ
จำให้ได้ว่าเราเป็นใคร?
วิ่งไปในชีวิตด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์เหมือนเด็ก เห็นทุกอย่างเป็นความท้าทาย แต่ตอบโต้แบบผู้ใหญ่ที่เข้าใจแล้วว่า ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน แค่ทำเต็มที่เป็นเราที่ดีที่สุด แล้วปล่อยวางผล กล้าหาญ-สบายๆ, เข้มแข็ง-อ่อนโยน, ตี่นรู้-เบิกบาน..
ด้วยรักและปรารถนาดี
“เป็นฮีโร่ในใจเรา เป็นไอดอลในใจลูก”
แม่เหมียวsupermomlifecoach =^^=
* อนุญาตให้เผยแพร่ได้โดยไม่ตัดตอน
** กราบขอบพระคุณ ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้ให้วิชา และดวงตาเห็นธรรม
ขอบคุณทุกเคสที่เสียสละเรื่องราวของตัวเอง
ขอบคุณแรงบันดาลใจจากกัลยาณมิตรทุกคน และ ห้องเรียนเข็มทิศจิตใต้สำนึก
Comments
Post a Comment