บันทึกหนูเปีย ตอน3



บันทึกหนูเปีย ตอน3
by แม่เหมียวsupermomlifecoach 

(หนูเปีย จาก หนังสือเข็มทิศจิตใต้สำนึก โดย ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง)

เดินตามที่ครูเรียก..ขึ้นไปบนเวที ยื่นมือออกไปจะรับไมค์จากครู .. ได้ยินครูบอกว่า “เหมียวนอนลงบนเก้าอี้เลยค่ะ”.. หา.. เบรนช็อคอีกรอบ.. ได้ยินเสียงครูบอกให้เพื่อนเข้ามาดูใกล้ๆ ได้...นอนลงไปตัวแข็งเกร็ง ตื่นเต้นมากกก แทบไม่ได้ผ่อนคลายเลย หลับตาลงไป รู้สึกตื้อๆ ได้ยินเสียงครูแว่วๆ ว่า “ความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อขึ้นมาเป็นความอึดอัดนี้ เกิดขึ้นครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว.. เหมียวค่อยๆ ถอยย้อนกลับไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น” ...เงียบ.. ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. เสียงครูพูดต่อว่า..”ตอนนี้เหมียวอยู่ที่ไหนคะ”.. รู้สึกว่าเราอยู่ที่บันได.. ใช่ เป็นความรู้สึก .. ไม่ได้เป็นภาพขึ้นมาเหมือนครั้งแรกที่เข้าไปเจอ.. ตอบครูไปว่า “อยู่ที่บันได” ทันใดนั้น ก็เห็นเป็นภาพบันไดอยู่ข้างหน้า แล้วตัวเราเป็นเด็กผมเปียใส่ชุดนอน วิ่งหน้าตาตื่น ตึงๆๆ หนีลงบันไดไม้แผ่นใหญ่สีเข้ม มีเสียงแม่ตามหลังมาติดๆ..น่ากลัวมากกกก.. ตะกุยตะกายวิ่งหนีไม่คิดชีวิต จนลงมาถึงชั้นล่าง .. วิ่งๆๆ ต่อไปตามทางเดิน .. จนไปสุดที่หน้าประตูบ้านที่เป็นตึกแถวสองห้องใหญ่ติดริมถนน หน้าบ้านมีคนขายอาหาร ได้ยินเสียงคนข้างนอกจ้อกแจ้กมาก.. หลังชนฝา.. จนตรอก.. จนมุม.. ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว..รู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัวเหมือนโดนตีมาเยอะแล้ว..ระทึกขวัญสั่นกลัวมากว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราต่อไป.. หันไปเห็นแม่..ท่าทางโมโหมาก ชี้ไม้เรียวมาที่เราแล้วบอกว่า “ถอดเสื้อผ้าออกเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะไปตีต่อหน้าบ้าน” กลัวมากที่สุด รู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางสู้.. ยอมถอดเสื้อผ้าออกด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาไหลพราก นั่งลงไปที่พื้นตัวสั่นไปทั้งตัว (ตอนนี้แหละที่เราเข้าไปเจอ..ตอนไปเห็นเหตุการณ์นี้ครั้งแรก.. ตอน1) แล้วก็พูดกับแม่ว่า “แม่จ๋า อย่าทำอย่างนี้กับหนูเลย.. หนูยอมทุกอย่างแล้ว” ..ได้ยินเสียงครูบอกว่า “เหมียว..เหมียวที่เป็นผู้ใหญ่ เอาความกล้าหาญเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้น เข้าไปใส่เสื้อผ้าให้เค้า กอดเค้า แล้วบอกเค้าว่าทุกอย่างจะโอเค”.. เหมือนมีพลังบางอย่างดึงตัวเราออกมาจากเด็กคนนั้นมาเป็นตัวเราตอนนี้.. เดินเข้าไปกอดเด็กคนนั้น ใส่เสื้อผ้าให้เค้า บอกเค้าว่าไม่ต้องกลัวนะ มันจะโอเค ได้ทำทุกอย่างตามที่ครูบอก.. แล้วก็ได้ยินเสียงครู “ให้เด็กคนนั้นตอบออกมาในขณะที่เหมียวกอดเค้า ว่าเด็กคนนั้นอยากบอกอะไรเหมียว” เหมือนมีพลังบางอย่างดึงเราเข้าไปในตัวเด็ก.. เจ้าหนูเปีย ยิ้มทั้งน้ำตา ตอบว่า “หนูไม่กลัวอีกแล้วค่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกแล้ว มันโอเค หนูโอเค” แล้วก็กอดเราแน่น.. เสียงครูอ้อยพูดว่า “หนูรู้ไม๊ว่ามันสำคัญแค่ไหนที่หนูโอเค เพราะว่าวันนึงเมื่อหนูโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ .. หนูมีลูก..และการที่หนูโอเค หนูจะไม่ต้องส่งต่อความรู้สึกที่หนูเคยกลัวให้กับลูกหนูต่อไป” จากนั้นครูก็ให้กลับมาเป็นพี่เหมียวตอนนี้..แล้วก็ให้กลับไปเป็นแม่ แล้วครูก็ถามว่า “แม่ของเหมียว อยากจะบอกอะไรกับเหมียว” ...มีพลังบางอย่างดึงเราเข้าไปในตัวแม่ ..เห็นแม่ร้องไห้..หวาดกลัว.. ตัวสั่น พร่ำพูดแต่ว่า “ฮือออ..แม่ขอโทษๆ แม่ขอโทษจริงๆ ลูก ถ้าแม่รู้แค่เพียงนิดเดียว ว่าสิ่งที่แม่ทำในวันนี้ มันจะกระแทกลูกน้อยของแม่จนเป็นโพรง แล้วโพรงนี้มันก็ติดตัวลูกมาจนอายุ 30 กว่า.. ถ้าแม่รู้แค่เพียงนิดเดียว.. แม่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองทำมันเลย.. แม่ขอโทษ.. แม่ขอโทษจริงๆ ลูก..ฮือๆๆ”.. (ภาพตอนนั้น เหมือนเวลาเราดูฉากในละครที่มีวิญญาณอยู่ในห้องนั้นด้วย.. เราเป็นวิญญาณนั้น แล้วก็เข้าไปเป็นคนที่อยู่ในฉากนั้นทีละคน)แล้วครูก็ให้เรากลับมาเป็นเราตอนนี้แล้วถามว่าเราอยากพูดอะไรกับแม่.. “แม่คะ.. เหมียวโอเคแล้ว.. มันดีที่สุดแล้วที่แม่จะทำได้ในวันนั้น..เหมียวรู้..ด้วยหัวใจของเหมียวที่ได้เป็นแม่เองในตอนนี้.. ว่าแม่คงทรมานมากที่ต้องทำอย่างนั้นกับลูกของตัวเอง.. เหมียวให้อภัยแม่..ให้อภัยแม่ที่ทำอย่างนั้นกับเหมียว..ให้อภัยแม่..ให้อภัยตัวเองที่โกรธแม่..ที่แค้นแม่..ที่เกลียดแม่ ต่อไปนี้เราเข้าใจแล้ว..เหมียวเข้าใจแล้ว..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีกับเรา..มันดีกับเรา” รู้สึกเหมือนเราเข้าใจทุกอย่างได้อย่างกระจ่างชัด ด้วยหัวใจของเราที่เป็นลูกและด้วยหัวใจของเราที่ได้เป็นแม่เองในตอนนี้..น้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลเอ่อล้น..ได้ยินเสียงครูบอกว่า “สิ่งที่เราได้เสียสละ.. สิ่งที่หนูเหมียวตัวน้อย.. คุณแม่.. พี่เหมียวตัวโต.. และลูก ได้เสียสละ ทำประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กับคนมากมายนับไม่ถ้วน..ซึมซับความรู้สึกเป็นสุขนี้ ยิ้มออกมาอย่างกว้างที่สุดเลย.. ลืมตาขึ้นมาได้ค่ะเหมียว.. เห็นโลกใหม่..โลกใหม่ที่มีความสุข..แล้วลุกขึ้นมานั่ง.. แล้วส่งยิ้มให้เพื่อนๆ ของเรา ให้ทุกคนได้มีส่วนในการให้อภัยแม่ของตัวเอง” ยิ้มแฉ่งทั้งน้ำตา เห็นเพื่อนๆ ยิ้มมาก็ยิ่งยิ้มแฉ่งกว่าเดิม..ตอนลุกขึ้นมานั่ง รู้สึกตัวสั่นๆ เหมือนมีก้อนหินกลมๆ ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้งมือเยอะมากๆ กลิ้งไปมาทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า.. ยังแอบคิดว่า ทำไมครูให้เพื่อนๆ เข้ามากอดเราตอนนี้ครูเห็นหรือเปล่าน๊าว่าเราตัวสั่น.. ซักพักอาการหินกลิ้งก็ค่อยๆ เบาลงๆ จนหายไป.... 21 มิ.ย. 54 เป็นวันที่มีความสุขมากก.. รู้สึกว่าตัวเองยิ้มออกมาจากหัวใจจริงๆ.. รู้สึกได้ว่ารักแม่เต็มหัวใจจริงๆ ไม่ใช่รักแบบแอบปวดใจจี๊ดๆ เหมือนที่ผ่านมา.. คืนนั้น.. ก่อนหลับ.. ได้เข้าไปเจอแม่อีกครั้ง.. แม่ของเราที่เป็นแม่ที่ยังสาวเหมือนเราในตอนนี้.. เค้ายืนเศร้าๆ อยู่.. จำได้ว่าเดินยิ้มอย่างสงบเย็น เข้าไปกอดเค้า.. ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกของลูกที่เข้าไปกอดแม่.. แต่เข้าไปกอดเค้าด้วยความรู้สึกของแม่ที่เข้าใจหัวอกของแม่ที่ยังสาวเหมือนกัน.. เค้าร้องไห้..กอดเราแน่น..เรากอดเค้าแล้วก็บอกเค้าว่า “เราเข้าใจนะ ด้วยหัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน.. เหนื่อยมากใช่ไม๊.. เครียดมากใช่มั๊ย.. บางครั้งก็ไม่รู้จะทำยังไง..จนทำไปแล้วถึงรู้ว่ามันไม่ดีใช่ไม๊.. ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร แม่ทุกคนรักลูกมากจนแม้แต่ชีวิตก็ให้ได้.. เพราะฉะนั้น มั่นใจเถอะว่า เราได้ทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้เพื่อลูกของเราแล้วแน่ๆ”.. หลับไปพร้อมกับความรู้สึกว่า รักแม่จังเลย.. ตื่นมาตอนเช้า คำแรกที่เข้ามาในหัว คือ เสียงของครูอ้อยบอกว่า “พ่อแม่ไม่ได้เกิดมาพร้อมคู่มือการเป็นพ่อแม่.. พ่อแม่ก็ทำผิดพลาดได้เหมือนกัน”.. รักครูอ้อยจัง..


Comments

Popular posts from this blog

คาถาคลอดลูกง่าย(องคุลิมานปริตร)

บันทึกหนูเปีย ตอน1