บันทึกหนูเปีย ตอน4


บันทึกหนูเปีย ตอน4
by แม่เหมียวsupermomlifecoach 
(หนูเปีย จาก หนังสือเข็มทิศจิตใต้สำนึก โดย ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง)

ตอนที่กลับขึ้นมาจากทรานส์ที่ได้เข้าไปแก้ปมเรื่องแม่ ได้กอดกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่แสนดีในคลาส ได้พูดขอบคุณทุกๆ กำลังใจและความรู้สึกดีๆ ที่ส่งมาให้ มากมายจนหัวใจสัมผัสได้.. จำได้ว่า.. ได้เข้าไปกอดครูอ้อยด้วยความรู้สึกรัก.. เคารพ.. ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง..ความรู้สึกดีๆ ทั้งหลายต่างหลั่งไหลเอ่อล้นออกมามากมายจนบรรยายไม่ถูก.. คำพูดแรกที่พูดออกไปคือ “ครูคะ เหมียวอยากช่วยแม่ทุกคนบนโลกนี้”.. รู้สึกว่า เมื่อก่อนเราโฟกัสความช่วยเหลือไปที่ตัวเด็ก .. แต่ตอนนี้เข้าใจเลยว่า..แม่เป็นอารมณ์ของบ้าน.. ถ้าแม่สั่นไหว ไม่มั่นคง แม่สามารถทำให้เกิดเอิร์ธเควกในบ้านได้เลย.. เพราะฉะนั้นถ้าเราช่วยให้แม่รอดได้.. ลูกๆ รอดหมด.. ทำให้เรายิ่งมุ่งมั่นกับการเป็นเราที่ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด..อย่างที่เราอยากทำ

จากวันนั้น ก็ค่อยๆ กลับไปเข้าใจพฤติกรรมเดิมๆ ในชีวิตที่มันลุ่มๆ ดอนๆ ที่ผ่านมา ที่เราเคยคิดว่า มันปกติ ใครๆ ก็เป็นกัน.. จนได้มาเป็นแม่ ก็อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ .. ปี๊ดลูกแล้วก็รู้สึกผิด..กลับไปทำดีเอาใจชดเชยความรู้สึกผิดนั้น เป็นๆ หายๆ วันละหลายสิบรอบ.. ก็ยังพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันปกติ แม่ส่วนใหญ่ ใครๆ ก็เป็นกัน.. เพิ่งรู้ว่าที่จริงแล้วมันมีสาเหตุมาจากโพรงในหัวใจที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เป็นหนูเปียในตอนนั้น ทำให้เราแสวงหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มมันตลอดเวลา...ใช้ชีวิตแบบสับสนไม่มีทิศทาง.. เวลามีคนมาแสดงความรัก เราก็ไม่เคยเชื่อว่า ความรักที่แท้จริงจะมีอยู่ในโลกนี้ เพราะคนที่เราจะเชื่อได้มากที่สุด ยังทำกับเราขนาดนี้.. เราไม่เชื่อ และพร้อมที่จะรอจับผิดความรักตลอดเวลา ทำให้ชีวิตเรามีปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น คนรัก เพื่อน พี่น้อง หรือแม้แต่ความรักกับพ่อแม่เองก็ยังเป็นความรักที่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด ที่เราเคยคิดว่าเรารักพ่อแม่มากที่สุด กตัญญูกับท่านเต็มที่ แต่ไม่เคยรู้เลยว่า ลึกๆ แล้วเราแอบโกรธ แค้น แอบเกลียดเค้า.. แล้วสิ่งที่เราเกลียด ที่เราไม่ยอมรับในตัวเค้า เราก็มีมันอยู่เต็มๆ .. และโดยไม่รู้ตัว เราก็ส่งต่อพฤติกรรมของการลงโทษที่รุนแรงซึ่งอาจจะไม่ใช่การกระทำแบบเดียวกัน แต่ด้วยคำพูดที่ทำให้เจ็บปวดได้ไม่แพ้กันและ การไล่ต้อนให้จนมุมจนไม่มีทางสู้ ไปสู่เหยื่อรายต่อไป.. ซึ่งก็คือ “ลูก” ของเราเอง ...ชีวิตที่สับสน ครึ่งๆ กลางๆ ของเราเกิดจากการที่เรากลัวผลลัพธ์ กลัวการคาดหวังจากคนอื่น เช่น เรียนเปียโนก็ดี เรียนไปได้เรื่อยๆ ซักพัก พอครูคุยกับพ่อ แล้วพ่อซื้อเปียโนให้ (รู้สึกว่าพ่อเริ่มคาดหวังกับการเรียนของเรา) ก็เลิกเรียนทันทีโดยไม่มีเหตุผล, เรียนมัธยมปลาย ครูบอกว่าคะแนนวิชาเคมี ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ ของเราดี ถ้าอยากเป็นหมอก็น่าจะเรียนได้ เทอมต่อไปเราก็เรียนให้มันแย่ลง เอาแค่กลางๆ อยู่ในเซฟโซนที่เราพอใจ ไม่ต้องมีใครมาคาดหวัง, ตอนเรียนจบ ทำงาน ก็ทำได้ดีไปเรื่อยๆ แต่พอเริ่มมีคนจะโปรโมทเรา ก็ลาออกด้วยเหตุผลไม่เข้าท่าทำให้ต้องเปลี่ยนงานหลายครั้งซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าเรามีเหตุผลพอที่จะลาออกแต่ตอนนี้เข้าใจเลยว่า ที่จริงเรากลัวผลลัพธ์ กลัวเวลาที่มีใครมาคาดหวังกับเรา ถ้ามันออกมาดีเราก็เสมอตัว ถ้ามันแย่เราปางตาย ..หนูเปียถูกฝังหัวด้วยเหตุการณ์นั้น จนไม่กล้าพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับอะไรในชีวิตอีกเลย ขอใช้ชีวิตในเซฟโซนของเราที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุดดีกว่า.. เข้าใจเลยว่า ชีวิตที่ผ่านมา ที่เราคิดว่าเราเลือกทางเดินเองมาตลอด ที่จริงแล้วมันมีพลังลบบางอย่างขับเคลื่อนชีวิตเราอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว.. และสิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะเปลี่ยนสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตเราได้ก็คือ “การให้อภัย” และ “เปลี่ยนความเชื่อที่อยู่ในตัวเราเอง”...

Comments

Popular posts from this blog

คาถาคลอดลูกง่าย(องคุลิมานปริตร)

บันทึกหนูเปีย ตอน1